ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับวงการขนมหวานได้ที่ http://on.fb.me/t3yIsK
ก่อน ที่ผู้เขียนจะมายึดอาชีพเป็น นักโภชนาการ ผู้เขียนมีพฤติกรรมการกินไม่แตกต่างไปจากคนไทยโดยทั่วๆ ไป ซึ่งกินอะไรก็ได้ที่ตนเองชอบ และเห็นว่าอร่อยถูกปาก กินตามที่แม่ทำให้กิน กินตามที่วางขายที่หาซื้อได้ ไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้เรื่องการกิน กินอิ่มแล้วก็จบเป็นสุข แล้วก็ไปปฏิบัติภารกิจอื่นต่อ ถึงเวลาอาหารมื้อต่อไปก็กลับมากินอีก จนครบอย่างน้อย 3 มื้อ ในแต่ละวัน เป็นเช่นนี้เรื่อยมา
จนกระทั่งได้มาเริ่มเรียนรู้ด้านอาหารและโภชนาการ และประกอบอาชีพเป็นนักโภชนาการ ทำให้เริ่มสนใจใส่ใจ และยึดมั่นที่จะต้องกินอาหารให้ถูกต้องตามสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาก และจะต้องปฏิบัติตนและกินให้เป็นแบบอย่างแก่คนอื่นที่ตัวเองเที่ยวไปบอกไป สอนให้เขาปฏิบัติ คิดอยู่เสมอมาว่า หากต้องการให้คนอื่นกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ เราจะต้องปฏิบัติให้ได้ก่อน
จุดเริ่มต้นของการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ของนักโภชนาการทุกคนมักจะยึด การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารทุกมื้อที่กินจะคอยคำนึงทุกครั้งว่า กินครบ 5 หมู่ หรือไม่ ถ้าไม่ครบ ก็ต้องขวนขวายกินให้ครบในมื้อถัดไป สิ่งที่จะต้องคำนึงในลำดับต่อมาคือ ปริมาณอาหารที่กินในแต่ละเมื้อ จะต้องคอยควบคุมตนเองให้กินอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ พอดี อิ่มแล้วจะหยุดกินจะไม่เพลินกับรสชาติของอาหาร และกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ ทุกวัน ไม่เคยงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังไม่ยึดติดอยู่ในอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งที่จะต้องชอบเป็นพิเศษ แล้วกินประจำซ้ำซาก แต่พยายามกินอาหารให้หลากหลายชนิด ยกเว้นอาหารหลักเช่นข้าว และที่สำคัญ คือ จะหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการมีสุขภาพที่ไม่ดี อาทิ อาหาร รสหวานจัด เค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่ปนเปื้อนจากเชื้อโรค และสารพิษ รวมทั้งอาหาร ที่บั่นทอนสุขภาพอื่น ๆ และอาหารที่มีราคาแพง
อานิสงส์แห่งการกินอาหารตามแบบฉบับของนักโภชนาการที่กล่าวมานี้ สามารถพูด ได้เต็มปากเต็มคำว่า ส่งผลให้ตนเองมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง โดยวัดจากมีการเจ็บป่วยน้อยมาก และหวังต่อไปถึงอนาคตเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุที่ดำรงชีวิตอย่างสง่างาม ไม่เป็นภาระของลูกหลานและมีชีวิตที่ยืนยาวพอสมควร
ที่มา : ข้อมูลจากเวปไซต์กองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข
ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับวงการขนมหวานได้ที่ http://on.fb.me/t3yIsK
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น